“Well done, Nuttapon. You are an Ironman!!!” เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ผมชูผืนธงชาติไทยขึ้นสุดแขนด้วยความภาคภูมิสุดหัวใจรวบรวมกำลังขาที่เหลือพลังอันน้อยนิดฝืนตะคริวที่จับมาจนถึงท้องก้าวเหยาะๆผ่านซุ้มประตูที่มีโลโก้ M dot และรับผ้าคลุม+เสื้อ+เหรียญ Ironman Finisher อีกครั้ง
ที่เคยคิดว่ามันจะผ่านไปได้แบบสบายๆ ไม่หฤโหดเท่าครั้งแรก แต่มันไม่ใช่เลย ในความเป็นจริงแทบจะเอาตัวไม่รอดตั้งแต่ด่านทดสอบแรกในการว่ายน้ำ 3.8K เลยด้วยซ้ำ
หลังจาก 2 ปีที่แล้ว ได้ลองวัดใจวัดศักยภาพร่างกายตัวเองไปลงแข่งไตรกีฬา ระยะ Full Distance Ironman ที่ประเทศเกาหลีมา (เล่าไว้ตามโพสต์นี้นะครับ http://www.teambeyondsport.com/lesson-from-im-korea/)
จริงๆตอนนั้นก็สัญญากับตัวเองและภรรยาไว้ว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายและครั้งเดียวแล้วนะ แต่ก็นั่นแหละ ผ่านไปปีเดียวความคันมันบังเกิด โดนน้องในทีมป้ายยาอย่างง่ายดาย กดสมัคร Ironman ครั้งที่ 2 ที่ Busselton ด้วยคำโฆษณาชวนเชื่อว่าอากาศดี ว่ายน้ำไม่ยาก ทางปั่น-ทางวิ่งเรียบสนิท ไม่ต้องปั่นขึ้นเขาแบบที่เกาหลี
Good news before the race
ใครจะไปรู้ได้หลังจากสมัครแข่งไปได้ 3 – 4 เดือน ก็ได้รับข่าวดี ผมกำลังจะได้เป็นพ่อคน (หลังจากพยายามมาเป็นปี) เดือนนึงให้หลังจากวันแข่งขันจบ จะเป็นวันที่ผมรอคอยมาตลอด เลยอยากเอา ironman finish ครั้งนี้อุทิศให้กับลูกสาว
ที่น่าเขกหัวตัวเองคือผลัดวันประกันพรุ่งการซ้อมเรื่อยมา กว่าจะได้ฤกษ์ซ้อมจริงๆก็ประมาณ 5 – 6 อาทิตย์ก่อนแข่งจริงๆนั่นแหละ เลยตัดสินใจเน้นไปที่การซ้อมปั่นจักรยานและว่ายน้ำ จนมั่นใจว่าปั่นได้ 180k และว่ายน้ำได้เกิน 4k อย่างไม่มีปัญหา แล้วไปเสี่ยงกันทีเดียวตอนลงมาวิ่ง (ด้วยการต้องวิ่งระยะ 42k แต่ซ้อมไกลสุดแค่ 10k)
บรรยากาศวันจริงน่าตื่นเต้นมากครับ ที่ Busselton ประเทศออสเตรเลีย งานจัดได้ยิ่งใหญ่กว่าที่ Gurye ประเทศเกาหลีมากกกก ทุกคนในเมืองเฟรนลี่และให้ความสำคัญกับงานนี้อย่างจริงจัง
ว่ายน้ำ 3.8K
อากาศตอนเช้ามืดหนาวมาก ตอนตี 4 เห็นอุณหภูมิ 11 องศากันเลยทีเดียว โชคดีว่ากว่าจะปล่อยตัวลงว่ายน้ำมันหลัง 7 โมงครึ่งไปแล้ว นักกีฬาส่วนใหญ่สวมชุดเวทสูทกระโจนลงน้ำตามสัญญาณปล่อยตัวทีละ 5 คน ♂️♀️♂️♀️♂️❄
น้ำเย็นเจี๊ยบหลั่งไหลทะลุเวทสูทเข้ามาหนาวไปถึงกระดูก ทะเลใสมากเห็นทุกอย่างใต้น้ำชัดแจ๋ว ปะการัง ปลาตัวเล็กๆ ภาพบรรยากาศสวยงามจริงๆ รูทค่อนข้างกว้าง ไม่เบียดเสียดต้องเบียดแหวกฝูงคนอย่างที่เกาหลี ที่ยากหน่อยคือมันเลี้ยวไปเลี้ยวมาหลายรอบ บางช่วงที่ว่ายตามคลื่นจะไปเร็วมาก แบบวาร์ปไปเลย แต่ช่วงที่โต้คลื่นก็เล่นเอาเหนื่อย จ้วงเท่าไหร่ก็ไม่ไปซะที แต่ก็ว่ายไปเรื่อยๆได้อยู่
ผ่านทุ่นบอกระยะเกินครึ่งทาง น่องขวาเริ่มมีอาการจี๊ดๆ แต่ไม่อยากคิดมากไม่อยากนอยด์ไปเอง ตีขาน้อยลง เผื่ออาการจะดีขึ้น จนในที่สุดสิ่งที่กลัวที่สุดในการว่ายน้ำเย็นๆแบบนี้มันมาแล้ว
“ตะคริว”เริ่มจับที่น่องขวาแบบไปต่อไม่ได้ ผมค่อยๆพาตัวเองออกมาด้านข้าง ยกมือขอความช่วยเหลือ surfboard ที่มีทีมงานช่วยเหลือรีบมาให้เกาะพัก พร้อมแนะนำให้ขยับขาไปมาเพื่อสลัดตะคริวออกไป ♂️
ก้มมองดูนาฬิกา ผมว่ายมาแล้ว 2กิโลกว่า อีกแค่ 1กิโลกว่าๆ เวลาที่ทำมาก็ไม่ได้เลวร้าย คิดในใจอย่างเดียวว่า “ถ้าเค้าไม่ไล่ ยังไงก็ไม่เลิก จะเกาะมันอยู่ตรงนี้จนกว่าจะหาย” สักพักตะคริวคืบคลานมาที่ต้นขาซ้ายอีก ยืดเท่าไหร่ก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้น ขาผมบีบเกร็งจากอาการตะคริวขึ้นทั้งสองข้าง เห็นเรือพยาบาลมารออยู่ใกล้ๆ ถ้าขึ้นเรือลำนั้นที่ทำมาทั้งหมดก็จบ ผมก็จะกลับไปนอนพักสบายๆ กินอย่างที่อยากกิน
“แต่เดี๋ยวนะ!!! ยังไม่ได้ปั่นจักรยานเลย ที่ซ้อมจักรยานตากแดดจนผิวเกรียมมาแทบตาย แล้วจะเก็บอะไรมาเล่าให้ลูกฟัง ขออีกนิด ขอลองไปอีกนิดก่อนนะ” ตัดสินใจขอฝืนตะคริวที่ยังจับขาทั้งสองข้างนิดๆ ไปต่อๆ โดยมี surfboard คอยตามมาห่างๆ (ตรงนี้ประทับใจทีมงานเค้ามากครับ)
เสียเวลาตรงนั้นไปมากกว่า 5 นาที จ้วงไปเรื่อยๆ อาการตะคริวมันยังไม่หายหมด แต่ความตั้งใจ มันพาร่างกายให้ไปต่อ จนเหยีบพื้นทรายขึ้นฝั่งมาได้ที่เวลา 1 ชั่วโมง 34 นาที
Transition 1
ได้ขึ้นมาเจอเพื่อนๆน้องๆคนไทยเปลี่ยนชุดกันอยู่ในเต้นท์ รู้สึกใจชื้นขึ้นเยอะ เลยนั่งพักทำโน่นทำนี่ไปเกือบ 20 นาที ใช้เวลาพักให้คุ้ม ให้แน่ในว่าอาการตะคริวมันดีขึ้น เกมยังอีกยาวไกล
จักรยาน 180K
ออกปั่นจักรยาน 90 โลแรกไปบนถนนที่เรียบสนิท ด้วยความเร็วชิวๆ ลมพัดเข้าข้างแรงๆเป็นระยะๆ แวะรับน้ำและเกลือแร่ตามทาง พยายามไม่เร่งมากไป คุมความเร็วอยู่ที่ราวๆ 30km/h ♂️
ถึงกม.ที่ 90 แวะกินอาหารที่เตรียมมาไว้ในถุง special needs ทักทายน้องๆในทีมที่มาด้วยกัน เข้าห้องน้ำอีกหน่อย ใช้เวลาไป 15 นาทีตรงนี้ เพราะได้บทเรียนจากการแข่งที่เกาหลีว่าการแวะกินตรงนี้ช่วยได้เยอะมาก
90โลสุดท้าย แดดเริ่มมาแต่ช่วงปั่นลมเริ่มแรงขึ้น บางช่วงรถส่ายไปตามลมแบบจับแทบไม่อยู่ แต่หลังกินอาหารเข้าไปเต็มๆรู้สึกแรงดี เรายังอัดได้ เลยค่อยๆปั่นแรงขึ้นหน่อยนึง แต่ก็แวะรับน้ำทุกจุดให้น้ำ 3 จุด เพื่อให้ขาได้พักบ้าง ใช้เวลาปั่นจักรยาน 180k ไปทั้งสิ้น 6 ชั่วโมง 18 นาที
Transition 2
แล้วสิ่งที่กลัวมาตลอดมันก็กลับมา ลงจากจักรยานปุ๊ปตะคริวจับที่น่องขวาปั๊ป อาการจากตอนว่ายน้ำมันกลับมา แต่เวลามันเหลือเยอะมาก คิดว่าวิ่งๆเดินๆไปเรื่อยๆยังไงก็จบทัน 17 ชั่วโมง ตอนนี้ผมเหลือเวลาอีกตั้ง 8 ชั่วโมงกว่า
วิ่ง 42.2K
ทางวิ่งเรียบหาดรอบละ 10 โล 4รอบ แดดยามบ่ายร้อนเปรี้ยง แดดแรงกว่าประเทศไทยเยอะมาก อุณหภูมิขึ้นไป 35 องศา ที่น่ารำคาญคือแมลงวันเยอะมาก วิ่งช้ามันก็มารุมตอม
ผ่านมา 15 โล คำนวณเวลาและเพสการวิ่ง ถ้ายืนเพสนี้ไปเรื่อยๆ (ตอนนั้นวิ่งๆเดินๆได้แค่เพส 8 นะครับ) ผมจะทำเวลาดีกว่าที่เกาหลีประมาณ 45 นาทีเป็นอย่างน้อย sub15 (น้อยกว่า 15 ชั่วโมง) อยู่ในหัว ♂️
แต่แดดและความร้อนก็พาตะคริวกลับมาอีกแถมหนักขึ้นมาก ตะคริวเริ่มจับทั้งสองข้างแบบเดินยังแทบไม่ไหว จะกลับไปใช้วิธีเดินเพส 9 แบบที่เคยทำมาก็ไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เดินเพส 10 ได้ก็เก่งมากๆแล้ว แถมด้วยใต้ฝ่าเท้าซ้ายมีอาการพองๆแสบๆเกิดขึ้นด้วย
ความมืดคืบคลาน พอแดดหมด อากาศเริ่มหนาวเย็นขึ้นทันที ขาไม่ไหวแล้ว มันชาไปหมด หยุดเดินเมื่อไหร่ ทุกอย่างจะจบทันที ตอนนี้ก้าวทุกก้าวไปด้วยความมุ่งมั่นล้วนๆ อยากจะเอาความสำเร็จนี้ ไว้บอกเล่าให้ลูกสาวได้ภูมิใจเมื่อเค้าโตขึ้น
ตลอดทางนอกจากคนไทยที่มาแข่งและมาเชียร์กันตลอดทาง ก็ต้องยกเครดิตให้กองเชียร์ที่นี่เค้าดีมากๆช่วยกระตุ้นเราตลอด ชื่นชมที่ชุมชนเค้ามีส่วนร่วมแบบจริงจัง เรียกว่าจนดึกดื่น เกือบถึงเวลาคัทออฟ ก็ยังมีชาวบ้านออกมาคอยให้กำลังใจนักกีฬาที่มาแข่ง
ช่วง 20 โลสุดท้ายได้เพื่อนใหม่จากบางแสนที่เดินด้วยกันตลอดทางอย่างจริงจัง แถมยังให้เกียรติเราเข้าเส้นชัยก่อนอีกด้วย กับเวลาฟูลมาราธอนที่ยาวนานที่สุดในชีวิต 7 ชั่วโมง 31 นาที
Finish Line
“Someday I will be too old to do this. That day is not today!!!” ก่อนเข้าเส้นชัย นึกถึงประโยคปลุกใจประโยคนี้ที่อ่านเมื่อคืนก่อนนอนขึ้นมาได้
ผมรับผืนธงชาติไทยจากกองเชียร์ รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายยกผืนธงชาติไทยขึ้นสุดแขน จ๊อกเข้าเส้นชัยด้วยเวลา 16 ชั่วโมง ใช้เวลามากกว่าที่เกาหลี 15 นาที ทั้งที่ก่อนลงจากจักรยาน มั่นใจว่าจะต้องจบด้วยสภาพดีกว่านี้แท้ๆ✌
บทสรุป ☺️
ถึงจะทุลักทุเล เจ็บตัวกว่าครั้งแรก แต่ลึกๆในใจผมเชื่อเสมอว่า “ถ้าเราไม่หยุดก้าวต่อไป เส้นชัยมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ” ถ้ายังไม่โดนคัทออฟ ก็ขอไปต่อนะ ในที่สุด ironman ครั้งที่ 2 ผมทำได้แล้วครับ ขอขอบคุณเพื่อนๆน้องๆทีม Fit4Tri ที่คอยป้ายยา, ช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้เสมอ เพื่อนๆนักกีฬาและกองเชียร์นักกีฬาไทย ทั้งเชียร์และทำอาหารให้กินกันแบบอิ่มหนำสำราญทั้งทริป ภรรยาที่คอยเป็นกำลังใจให้ตลอด ขอมอบความสำเร็จจากทริป Perth – Busselton เพื่อมาแข่ง Ironman ครั้งนี้ให้กับ “น้องเพิร์ธ” ลูกสาวผมที่เรากำลังจะได้เจอกันเร็วๆนี้
และนี่คือ VDO ภาพรวมแต่ละจุดสำคัญๆ ของการแข่งขันครั้งนี้ครับ
ณัฐพล แพร่สิริ (โอ็ต)
Co – Founder Team Beyond Running
Founder เพจ Fit4Fun
นักกีฬาทีม Fit4Tri
เพจ A Journey of 125K
#TeamBeyond #BeyondRunning #fit4funrelax #fit4triteam #ajourneyof125k
Views (266)